วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Hot Key!

การใช้งานHot KeyในWINDOWS
* BACKSPACE = ดูโฟลเดอร์ย้อนขึ้นหนึ่งระดับใน My Computer หรือ Windows Explorer
* ESC = ยกเลิกงานปัจจุบัน
* DELETE = ลบ
* CTRL ขณะที่ลากรายการ = คัดลอกรายการที่เลือก
* CTRL+SHIFT ขณะที่ลากรายการ = สร้างทางลัดไปยังรายการที่เลือก
* CTRL+ESC = แสดงเมนู Start
* CTRL+A = เลือกทั้งหมด

* CTRL+C = คัดลอก
* CTRL+X = ตัด
* CTRL+V = วาง
* CTRL+Z = ยกเลิก
* Ctrl + Y = ไปข้างหน้ากรณีที่ย้อนกลับมา ไปใช้บน Word หรือพวก Editor ต่างๆ
* Ctrl + S = Save งาน
* CTRL+ ลูกศรขวา = ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของคำถัดไป
* CTRL+ ลูกศรซ้าย = ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของคำก่อนหน้า
* CTRL+ ลูกศรลง = ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าถัดไป
* CTRL+ ลูกศรขึ้น = ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังจุดเริ่มต้นของย่อหน้าก่อนหน้าไป
* CTRL+SHIFT พร้อมกับปุ่มลูกศรใดๆ = ไฮไลต์บล็อกข้อความ
* Ctrl + Tab = สับเปลี่ยนเอกสารที่เปิดไปมา เช่น เปิด เอกสาร1 + เอกสาร2 ก็จะสลับไปมาเอกสาร 1 เอกสาร 2 ใช้ได้มากกว่า 1

* CTRL+F4 = ปิดเอกสารที่ใช้งานอยู่
* CTRL+SHIFT+ESC = เปิด Task Manager
* Alt Shift (left) = สลับภาษา
* ALT+ENTER = ดูคุณสมบัติต่างๆ ของรายการที่เลือก

* ALT+F4 = ปิดรายการที่ใช้งานอยู่ หรือปิดโปรแกรมที่ใช้งาน
* ALT+ENTER = แสดงคุณสมบัติของออบเจกต์ที่เลือก
* ALT+SPACEBAR = เปิดเมนูทางลัดสำหรับหน้าต่างที่ทำงานอยู่
* ALT+อักษรขีดเส้นใต้ในชื่อเมนู = แสดงเมนูนั้นๆ

* ALT+TAB = สลับระหว่างรายการต่างๆ ที่เปิดอยู่
* ALT+ESC = สลับไปยังรายการต่างๆ ตามลำดับที่เปิด
* Alt + D = การใช้งานเหมือน F6 แต่ว่าตอนเรียกคำว่าต้องให้ เป็น (EN)
* Alt + PrintScreen = จับภาพหน้าจอ เฉพาะหน้าที่เป็น Active Windows เอาไว้ในคลิปบอร์ด
* ปุ่ม F2 = เปลี่ยนชื่อรายการที่เลือก
* ปุ่ม F3 = ค้นหาไฟล์หรือโฟลเดอร์
* ปุ่ม F4 = แสดงรายการแอดเดรสบาร์ใน My Computer หรือ Windows Explorer
* ปุ่ม F5 = อัปเดทหน้าต่าง

* ปุ่ม F6 = สลับไปตามรายการอิลิเมนต์บนหน้าจอในหน้าต่างหรือบนเดสก์ทอป
* ปุ่ม F10 = เปิดแถบเมนูในโปรแกรมที่กำลังใช้งาน
* อักษรที่ขีดเส้นใต้ในชื่อคำสั่งบนเมนูที่เปิด = ทำงานตามคำสั่งนั้นๆ

* ลูกศรขวา = เปิดเมนูถัดไปทางขวา หรือเปิดเมนูย่อย
* ลูกศรซ้าย = เปิดเมนูถัดไปทางซ้าย หรือปิดเมนูย่อย
* กดปุ่ม SHIFT ขณะที่ใส่แผ่นซีดีรอมลงในไดรฟ์ซีดีรอม = ยกเลิกการเล่นซีดีรอมอัตโนมัติ
* SHIFT+F10 = แสดงเมนูทางลัดสำหรับรายการที่เลือก
* Shift + Click = ที่ลิงค์นั้น จะสามารถ เปิดหน้าเว็บใหม่ โดยที่เว็บเพจตัวเก่ายังคงเดิม
* SHIFT+DELETE = ลบรายการที่เลือกอย่างถาวรโดยไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin
* SHIFT+ TAB = เลื่อนเมนูที่เลือกผ่านมา
* Shift end = เลือกตั้งแต่ที่ cursor อยู่จนถึงท้ายของบรรทัด
* Shift home = เลือกตั้งแต่ที่ cursor อยู่จนถึงต้นของบรรทัด
* Home = เมื่อใข้งานที่ IE ตัวนี้จะเป็นตัวมีอยู่ที่ด้านบน (Top) ของ หน้าเว็บ
* End = เมื่อใข้งานที่ IE ตัวนี้จะเป็นตัวมีอยู่ที่ด้านล่าง (Bottom) ของ หน้าเว็บ
* Page Up = เลื่อนหน้าเว็บขึ้นด้านบน
* Page Down = เลื่อนหน้าเว็บลงด้านล่าง
* ปุ่มวินโดวส์+M = Minimize ทุกๆวินโดวส์ทั้งหมด

* ปุ่มวินโดวส์+Shift+M = Restore วินโดวส์ทั้งหมดที่ถูก Minize ลงไป
* Windows Logo +D = สลับการแสดงเดสทอป
* Windows Logo +F1 = เปิดวินโดวส์ Help

* Windows Logo + Pause/Break = เปิด SystemProperties
* Windows Logo +E = เปิดวินโดวส์ เอกซ์ เพอ เร่อ Explorer
* Windows Logo +R = เปิดวินโดวส์ Run
* Windows Logo +F = เปิดการ Search
* Windows Logo + F1 =เปิดระบบช่วยเหลือของ Windows

* Windows Logo +Ctrl+F = เปิดการ Search เหมือนกัน ( WinMe & Win 98 )
* Windows Logo +Tab = ย้ายจุดเลือกของแต่ละ Task
* คลิกขวา + H = ใน IE เวลารูปไม่แสดง ทำให้รวดเร็วมากหากมีหลายรูปไม่เปิด
* คลิกขวา + S = ในเว็บหากต้องการ Save รูปกดนี้แป๊บเดียวเสร็จ
* คลิกขวา + N = คลิกที่ Link สำหรับเปิดหน้าต่างใหม่
* คลิกขวา + Shift เลือก Delete คลิก = เวลาลบแล้วไม่อยากให้อยู่ที่ถังขยะ คลิกขวาที่ File หรือ Folder แล้วกด Shift ค้างไว้ พร้อมกับนำ Mouse เลือก Delete แล้วคลิก เท่านี้ File ที่ลบก็ไม่มีใน Recycle Bin แล้ว
* Tab + Enter = กด Tab แล้ว Enter สำหรับการ Chat ใน ICQ เพื่อส่งข้อความรวดเร็วไม่ต้องนำ Mouse ไปคลิก Send ให้ยุ่งยาก

* PrintScreen = จับภาพหน้าจอทั้งหมดเอาไปไว้ในคลิปบอร์ด

การใช้งาน COMBO BOX
*F4 or ALT+DOWN ARROW = บังคับให้ Combo Box เปิด
*F9 = บังคับให้ข้อมูลใน Combo Box เปลี่ยนแปลงตามข้อมูลปัจจุบัน
*DOWN ARROW = ย้ายไปบรรทัดถัดไป
*PAGE DOWN = ย้ายไปหน้าถัดไป
*UP ARROW = ย้ายไปบรรทัดก่อนหน้า
*PAGE UP = ย้ายไปหน้าก่อนหน้า
*TAB = ออกจาก ComboBox

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การพิจารณาเลือกซื้ออุปกรณ์

การเลือกซื้ออุปกรณ์ให้เหมาะสมลักษณะงานที่ใช้
สเป็คเครื่องสำหรับพีซีระดับผู้ใช้ในออฟฟิศ
ซีพียูรุ่น Intel Pentium Dual Core หรือ AMD Athlon64x2 แรม512 MB ขึ้นไป ฮาร์ดิสก์ความจุ 160 GB เมนบอร์ดเลือกแบบที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อ AGP 4x หรือ 8x สำหรับการ์ดแสดงผลคุณภาพ การ์ดแสดงผล ควรเลือกการ์ดแสดงผลมาตรฐาน AGP 4x หรือ 8x ที่มีคุณภาพแสดงผลค่อนข้างสูง และขนาดหน่วยความจำบนการ์ด 32 MB ขึ้นไป
ไดรว์ CD/DVD CD-ROM หรือ DVD-ROM (อาจเพิ่ม CD-RW สำหรับเก็บข้อมูล)
จอแสดงผลควรเลือกขนาด 15-17 นิ้ว
สเป็คเครื่องสำหรับผู้ใช้งานระดับสูง
ซีพียูรุ่น Intel Core 2 Duo หรือ Intel Core 2 Quadแรมประเภท DDR2-800 ขนาด 1-2 GB ทำงานแบบ Dual Channel ฮาร์ดิสก์320 GB แบบ Serial ATA 300 เมนบอร์ดเลือกแบบที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อ AGP 8x สำหรับการ์ดแสดงผลประสิทธิภาพสูง การ์ดแสดงผลnVidia GeForce 8600GTS หรือ ATi Radeon HD 2600 Pro
จอแสดงผล LCD 19-22 นิ้ว
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด แบ่งได้กว้างๆมีอยู่2ประเภท
1.คอมพิวเตอร์แบบมียี่ห้อที่นิยมขายเป็นชุด (Computer Set) เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก คอมพิวเตอร์แบบนี้มีข้อดีตรงที่มีบริการหลังการขาย เมื่อเครื่องเสียหรือมีปัญหาสามารถส่งซ่อมได้ทันที ช่างจะแก้ไขให้ มักจะแถมซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการมาให้ และมีระบบเงินผ่อน ไม่ต้องเดินเลือกซื้อหาอุปกรณ์เอง ส่วนข้อเสียคือไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจเองได้ ราคาจะค่อนข้างแพงกว่าเลือกซื้อชิ้นส่วนประกอบเอง
2.คอมพิวเตอร์แบบเลือกซื้อชิ้นส่วนมาประกอบเอง เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความพิถีพิถันในการเลือกชื้นส่วนอุปกรณ์มาประกอบด้วยตัวเองมีข้อดีตรงสามารถเลือกซื้อชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้ด้วยตัวเอง ทำให้เราสารถเปรียบเทียบราคาและหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดได้ ราคาค่อนข้างถูกกว่าแบบมียี่ห้อ ข้อเสีย ผู้ซื้อต้องความรู้เรื่องอุปกรณ์พอสมควร ต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อ และเมื่ออุปกรณ์เกิดความเสียหายต้องนำไปร้านที่ซื้อมาเคลมให้จะใช้เวลานาน
การเลือกซื้อ ซีพียู (CPU)
ก่อนที่จะเลือกรุ่นของซีพียู สิ่งแรกที่จะต้องเลือกคือ INTEL หรือ AMD ดีซึ่งต้องตัดสินใจก่อน ชื่อเสียงของ INTEL คงเส้นคงวามาตลอดแต่ถูก AMD แซงไป สรุปง่ายๆคือ ให้เลือก AMD ถ้าต้องการประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป และเลือก INTEL ถ้าสนใจเรื่องยี่ห้อหรือไม่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพใดๆ
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อก็คือ ถ้าไม่ต้องการใช้งานในด้านใดเป็นพิเศษก็ควรเลือก ที่เป็น Celeron D หรือ Pentium D ถ้าต้องการที่ใช้เช่น การตกแต่งรูป ตัดต่อวีดีโอ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็เลือก Core 2 Duo ไปเลย โดยเฉพาะเป็นนักแต่งเพลง สร้างหนัง ทำแอนิเมชั่นก็เลือก Core 2 Quad
การเลือกซื้อชุดระบายความร้อนกับซีพียู สิ่งที่สำคัญที่ควรคำนึงในการเลือกซื้อชุดระบายความร้อนให้กับซีพียู ซั้งประกอบด้วย พัดลมระบายความร้อน และฮีตซิงค์ ก็คือวัสดุใช้ทำฮีตซิงค์ การออกแบบครีบระบายความร้อน ความเร็วรอบในการหมุนของพัดลมซีพียู และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เป็นรูปแบบมาเพื่อให้ใช้กับซีพียู และซ็อคเก็ตแบบใด ซึ่งแต่ละแบบไม่เหมือนกัน

การเลือกซื้อเมนบอร์ด
- เลือกรูปแบบหรือฟอร์มแฟกเตอร์ให้เหมาะสมกับเคส - เลือกช่องสำหรับติดตั้งซีพียูบนเมนบอร์ด
- เลือกช่องสล็อกสำหรับติดตั้งหน่วยความจำ - เลือกชนิดและจำนวนของช่องสล็อกบนเมนบอร์ด
-เลือกช่องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกหรือพอร์ตแบบต่างๆ - เลือกคุณสมบัติอื่นๆเพิ่มเติม

การเลือกซื้อหน่วยความจำ

ชนิดของแรม เลือกให้ตรงกับสล็อตติดตั้งบนเมนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภท คือ SDRAM ที่กำลังจะหมดไป ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ แรมชนิด DDR-SDRAM ซึ่งเป็นมาตรฐานของแรมในปัจจุบัน และ RDRAM ที่มีความเร็วสูงสุด ใช้ทำงานร่วมกับเมนบอร์ดสำหรับซีพียู Pentium 4 ขึ้นไป
ขนาดของแรมในปัจจุบันมีอยู่หลายขนาด ได้แก่ 64 128 256 และ 512 MB ให้เราพิจารณาจากความต้องการการใช้งานของเครื่อง สำหรับเครื่องทั่วไปเลือกขนาด 128-256 MB ก็เพียงพอ แต่สำหรับเครื่องที่ทำงานด้านมัลติมีเดีย/กราฟิกส์ระดับสูงควรใช้แรมขนาด 512MB ขึ้นไป
ความเร็วของแรม ความเร็วในการทำงานแรมแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป เช่น SDRAM จะมีความเร็วอยู่ที่ 66 100 หรือ 133 MHz ส่วน DDR-SDRAM มีความเร็วที่ 200 266 333 400 หรือ 433 MHz และ RDRAM จะทำงานที่ความเร็วสูงถึง 600 700 800 และ 1066 MHz ซึ่งความเร็วนี้ต้องรองรับกับซีพียูที่เราใช้งานด้วยว่าทำงานที่ระบบบัสเท่าไร
การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
ขนาดความจุ ฮาร์ดดิสก์มีขนาดเป็น GB หรือพันล้านไบต์ ความจุของฮาร์ดดิสก์ยิ่งสูงยิ่งมีเนื้อที่เก็บข้อมูลมากขึ้น การเลือกขนาดของฮาร์ดดิสก์นั้นเราต้องคิดเผื่อถึงขนาดข้อมูลที่จะทำงานในอนาคตด้วย ความจุฮาร์ดดิสก์ที่มีให้เลือกในปัจจุบันมีตั้งแต่ 20 40 60.. GB
อัตราการส่งผ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสก์มีหน่วยเป็น MB/s(ล้านไบต์ต่อวินาที) ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีวางขายอยู่จะเป็นแบบ Ultra ATA/66 ATA/100 และ ATA/133 แต่เมนบอร์ดจะต้องสนับสนุนกับค่าความเร็วเหล่านี้ด้วย
ความเร็วรอบ RPM: Round Per Minute หรือรอบต่อนาที ยิ่งจำนวนรอบยิ่งสูงอัตราการอ่านข้อมูลต่อวินาทียิ่งมาก ฮาร์ดดิสก์ที่มีวางขายในตลาดจะมีอยู่หลายรุ่น เช่น รุ่น 5400 RPM, 7200 RPM และ 10000 RPM แนะนำให้เราซื้อฮาร์ดดิสก์แบบ 7200 RPM โดยเฉพาะกับงานที่เราใช้ต้องเขียนหรืออ่านไฟล์จากฮาร์ดดิสก์บ่อยๆ
เวลาในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวข้องกับความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลโดยตรง ยิ่งค่านี้น้อยมากเท่าไร ทำให้การทำงานกับฮาร์ดดิสก์เร็วยิ่งขึ้น เวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ 8-12 มิลลิวินาที(ms) ส่วนระยะเวลาแนะนำคือ 8-9 มิลลิวินาที
ขนาดของบัฟเฟอร์ของฮาร์ดิสก์ทั่วไปจะอยู่ที่ 2-8 MB ยิ่งบัฟเฟอร์มีขนาดใหญ่ยิ่งดี เพราะในการอ่านข้อมูล ฮาร์ดดิสก์จะอ่านข้อมูลไปเก็บไว้ที่บัฟเฟอร์ก่อน แล้วจึงค่อยส่งข้อมูลออกไป ส่วนในกรณีรับข้อมูลเข้ามา ก็จะเก็บไว้ที่บัฟเฟอร์ก่อนแล้วจึงค่อยเขียนลงดิสก์จริงๆ
การเลือกซื้อการ์ดแสดงผล (VGA Card)
ในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล คงต้องประเมินดูสภาพการใช้งานว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร โดยอาจแบ่งแยกงานเป็นสองกลุ่มคือ งานประเภทต้องใช้ภาพ3มิติหรือการแสดงผลมัลติมีเดียการตัดต่อวิดีโอ กับอีกกลุ่มได้แก่การใช้งานทั่งไปในสำนักงานใช้เพื่อเชี่อมต่ออินเทอร์เน็ต การ์ดที่ใช้แสดงผลสามมิติ (3D) และเล่นเกมแบบสามมิติ ต้องใช้ชิพตัวเร่งพิเศษ การ์ดพวกนี้จะมีราคาแพงขึ้น สำหรับการเลือกการ์ดแสดงผลใช้งานทั่วไปเลือกตัวเร่งที่มีราคาถูกลง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกได้มาก โดยปกติใช้ชิพตัวเร่งรุ่นเดียวกับพวก 3D เกมได้ แต่การ์ดพวกนี้จะใช้ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำให้มีราคาแตกต่างกันมาก การ์ดแสดงผลหลายรุ่นมีขีดความสามารถพิเศษ เช่น มีส่วนของการเชื่อมต่อเป็น TV-out เพื่อใช้สำหรับแสดงผล VCD และ DVD เพื่อต่อกับ TV ได้โดยตรง โดยคอมพิวเตอร์จะทำตัวเป็นเครื่องเล่น DVD ให้
การเลือกซื้อ Sound Card สำหรับคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าหากภาพดี แต่เสียงไม่ดีมีคุณค่า อรรถรสมนความบันเทิงก็ดูจะขาดหายไป พิจารณาเลือกซื้อนอกเหนือจากเรื่องของยี่ห้อและราคาควรคำนึงถึงคุณสมบัติต่างๆด้วย

การเลือกซื้อ Modem สำหรับคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือแบบ Internal Modem และ External Modem ซึ่งขอแยกข้อดีและข้อเสียของ Modem ชนิดต่าง ๆ ดังนี้
Internal Modem จะมีข้อดีคือ ราคาถูกกว่า ไม่เกะกะสายตา เพราะจะเป็นการ์ดเสียบติดไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเลย ไม่ต้องต่อสายหรือต่อ Power Supply ให้ยุ่งยาก และไม่เปลือง COM Port ที่มีอยู่จำกัด แต่ข้อเสียของ Internal Modem คือ การเคลื่อนย้าย หรือถอดออกไปใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ จะทำได้ค่อนข้างยาก และมักจะมัปัญหาหลาย ๆ อย่างตามมาด้วยเช่น สายอาจจะมีโอกาสหลุดได้บ่อย (ปัญหาหลักที่พบกันมาก) ต้องการ CPU ที่มีความเร็วค่อนข้างสูง จึงจะใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา
External Modem จะมีราคาแพงกว่าแบบ Internal Modem และจะต้องมีสายต่อต่าง ๆ อยู่ภายนอกเครื่องให้เกะกะสายตาดี แต่ก็จะมีข้อดีคือ พบปัญหาของสายหลุดได้น้อยมาก และสามารถใช้งานกับ CPU ที่มีความเร็วไม่สูงมากนักได้สบาย ๆ การเคลื่อนย้ายก็ทำได้ง่าย
การพิจารณาเลือกซื้อจอภาพ

ระเภทของจอแสดงผล ถ้าจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นเวลานานๆ 4-8 ช.ม. โดยมีเวลาหยุดพักสายตาไม่มาก แนะนำให้เราซื้อจอ CRT แบบ Flat Trinitron หรือจอ LCD จะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีงบพอ หรือมีช่วงเวลาพักสายตาอยู่บ้าง ก็ใช้จอแบบ CRT ก็เพียงพอแล้ว

รังสีจากจอแสดงผล การเลือกจอมอนิเตอร์แบบ CRT ควรเลือกแบบที่รังสีต่ำ (Low Radiation) เพราะผลเสียจากรังสีมีตั้งแต่ทำให้ปวดหัว ปวดตา เวียนศรีษะ ทำให้สายตาสั้น และมีผลต่อแก้วตา ส่วนจอ LCD หรือจอ Plasma Display จอประเภทนี้มีรังสีต่ำมาก
อัตราการแสดงภาพ เลือกรุ่นที่มี Refresh Rate สูงๆ สัก 75 Hz ขึ้นไป เนื่องจากถา Refresh Rate ต่ำเรสจะเห็นจอกระพริบอยู่ตลอด นั่นจะทำให้เราปวดหัว ปวดตา ได้เหมือนกัน
ขนาดจอภาพปัจจุบันมีมาตรฐานอยู่ 2 ขนาดที่ได้รับความนิยม คือ 15 นิ้วและ 17 นิ้ว ข้อดีของจอ 17 นิ้วคือเหมาะสำหรับงานออกแบบกราฟิกส์ เพรามีพื้นที่มากกว่า แต่มีราคาสูงกว่าจอ 15 นิ้ว

การเลือกซื้อ UPS การเลือกซื้อ UPS จะมีในเรื่องขนาด ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปควรจะอยู่ที่ประมาณ 500-800 VA

การเลือกซื้อ Case &power supply สำหรับเมนบอร์ดก็เป็นอีกข้อหนึ่งครับที่ไม่ควรมองข้าง โดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ จะใช้ Case แบบ AT แต่ถ้าหากเป็นรุ่นใหม่ ๆ แล้วจะเป็นแบบ ATX ข้อดีของ Case และ Power Supply แบบ ATX คือ การออกแบบให้มีการระบายความร้อนได้ดีกว่า และการใช้ Power Supply แบบใหม่ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานระบบ Power Management ต่าง ๆ ได้เช่นการตั้งเวลา เปิด-ปิด เครื่อง เป็นต้น และนอกจากนี้ เมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ นี้ก็จะใช้กับ Case และ Power Supply แบบ ATX เป็นส่วนใหญ่ ขนาดของ Power Supply รุ่นเก่า ๆ จะเป็น 200 วัตต์ หากเป็น Power Supply รุ่นใหม่ ๆ ก็จะเป็น 230-300 วัตต์ หรือสูงกว่านี้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกขนาดของ Power Supply ขนาดวัตต์สูง ๆ
การพิจารการเลือกซื้อ CD-ROM Drive สำหรับคอมพิวเตอร์
ในส่วนของ CD ROM Drive เลือกยี่ห้อที่ทน หรืออาจจะเลือกซื้อจากร้าน ที่มีการรับประกันดี ๆ ความเร็วก็ประมาณซัก 40X ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างหนึ่งก็คือ ยิ่งเป็น CD ROM Drive ที่มีความเร็วสูงมากเท่าไร เสียงก็จะยิ่งดังมากขึ้น ยกเว้น CD ROM Drive บางยี่ห้อหรือบางรุ่น จะสามารถปรับความเร็วให้ลดลงมาได้ด้วย รวมทั้งหากคุณใช้งานแผ่น CD-RW ก็คงต้องเลือกรุ่นที่สามารถอ่านแผ่น CD-RW ได้ด
การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ : ใช้พิมพ์งานเอกสาร มีความละเอียดมากที่สุด และความเร็วสูงสุดในบรรดาเครื่องพิมพ์ทั้งหลายมากที่สุด มี 2 แบบ คือแบบขาว/ดำ เหมาะสำหรับงานพิมพ์ในสำนักงาน และแบบสี สำหรับงานพิมพ์ขั้นสูง
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต : ใช้พิมพ์งานสี มีความละเอียดน้อยกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ราคาเครื่องถูก แต่หมึกพิมพ์แพง เหมาะสำหรับงานสี อาร์ตเวิร์ค สิ่งพิมพ์ และรูปถ่าย สติกเกอร์ หากจะใช้งานพิมพ์ขาว/ดำ ราคาหมึกต่อแผ่นจะสู้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ไม่ได้
เครื่องพิมพ์ดอตเมทริกซ์ : มีความละเอียดต่ำราคาหมึกถูก แต่พิมพ์ช้า เสียงดังปัจจุบันถูกนำมาใช้แค่การพิมพ์กระดาษไขสำหรับงานโรเนียว หรือพิมพ์โดยซ้อนกระดาษคาร์บอนเท่านั้น
การเลือกซื้อเครื่อง
Scanner ควรเลือกหัวสแกนแบบ CCD ความละเอียด 1200 x1200 จุดต่อตารางนิ้วขึ้นไป สแกนเนอร์บางรุ่นสามารถสแกนแผ่นฟิล์ม แผ่นสไลด์ได้ แต่มีราคาแพงพอสมควร

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สเปคคอมพิวเตอร์


รุ่น Veriton S 670G
· Intel Core 2 Quad Processor Q9400
(2.66 GHz , 12MB L2 Cache, 1333MHz FSB)
ซีพียูเป็นของ Intel รุ่น Core 2 Quad ความเร็วอยู่ที่ 2.66 กิกกะเฮิร์ต มี L2 Cache ขนาด 12เมกกะไบต์ มีบัสขนาด 1333 เมกกะเฮิร์ต
· Windows Vista Business ลงวินโดวส์วิสต้าธุรกิจมาให้
· 320GB SATA HDD มีฮาร์ดดิสขนาดความจุ 320 กิกกะไบต์ ฮาร์ดดิส เป็นแบบ SATA คือการใช้เทคโนโลยีในการรับส่งข้อมูลแบบอนุกรม มีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูง
· 4GB DDR3-1066 Up to 8GB แรมขนาด 4 กิกกะไบต์ เป็นแรมชนิด DDR3 ความเร็วบัส 1066 MHz ทำงานได้เร็วขึ้นสามารถอัพได้เต็มที่ 8 กิกกะไบต์
· ติดตั้งดิสก์ไดรฟ์แบบ DVD-RW 16X SuperMulti Label Flash & Disc Technology
· มีการ์ดจอออนบอร์ด Integrated Intel Graphics Media Accelerator 4500
· มีการ์ดจอแยกเป็นของ ATI Radeon รุ่น 4350 มีหน่วยความจำ 512MB มีขั้วแบบ DVI+HDMI
· Gigabit Ethernet LAN on Board มีช่องเสียบสายแลนติดมากับเมนบอร์ด
· ระบบเสียงแบบ Embedded High Definition Audio Codec 7.1 Surround Sound Ready
· 10 USB. 2.0 Ports ( 4 Front 6 Rear ) มีช่อง USB 10 ช่อง อยู่ด้านหน้าของเคส 4 ช่อง ด้านหลัง 6 ช่อง
· จอแสดงผลเป็นจอ LCD Monitor ยี่ห้อ Acer ขนาด 17 นิ้ว

· Warranty 3 years รับประกัน 3 ปี

Office Pladao

ปลาดาว ออฟฟิศ คือ ชุดโปรแกรมสำนักงานที่รองรับการทำงานกับเอกสารภาษาไทย สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และมีโปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processor) สร้างตารางคำนวณ (Spreadsheet) นำเสนองาน (Presentation) วาดภาพแบบเวกเตอร์ (Drawing) และโปรแกรมสมการคณิตศาสตร์ (Equation) ใช้ได้กับ 3 ระบบปฏิบัติการหลัก คือ Solaris, Linux, หรือ Windows นอกจากนี้ ปลาดาวมีคุณสมบัติการใช้งานเอกสารที่มาจากต่างระบบกันได้ (cross platform) ตัวอย่างจากการทดลองการใช้งาน ปลาดาวสามารถเปิดเอกสารที่สร้างขึ้นจาก Microsoft Excel หรือ Microsoft Word ขึ้นมาใช้ปรับปรุงแก้ไขได้ โปรแกรมหลักๆ ของปลาดาว ออฟฟิศมีดังนี้
1. Writer เป็นโปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processor) มีลักษณะการใช้งานคล้ายกับ Microsoft Word
2. Calc เป็นโปรแกรมตารางคำนวณ (Spreadsheet) มีลักษณะการใช้งานคล้ายกับ Microsoft Excel
3. Impress เป็นโปรแกรมนำเสนองาน (Presentation) มีลักษณะการใช้งานคล้ายกับ Microsoft PowerPoint
4. Draw เป็นโปรแกรมวาดภาพแบบเวกเตอร์ (Drawing)
5. Math เป็นโปรแกรมพิมพ์สมการคณิตศาสตร์ (Equation)
ปลาดาวออฟฟิศจึงเป็นทางออกของผู้ใช้ซอฟต์แวร์ออฟฟิศในภาวะคุมเข้มของกฎหมาย ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในเมืองไทย ด้วยความสามารถในการใช้ภาษาไทยได้ และมีโปรแกรมหลักหลาย ตัวที่มีคุณลักษณะคล้ายกับโปรแกรมสำนักงานอย่าง Microsoft Office และสามารถดาวน์โหลดได้ ฟรีพร้อมกับติดตั้งได้ทุกเครื่องทุกแพลตฟอร์ม