สเป็คเครื่องสำหรับพีซีระดับผู้ใช้ในออฟฟิศ
ซีพียูรุ่น Intel Pentium Dual Core หรือ AMD Athlon64x2 แรม512 MB ขึ้นไป ฮาร์ดิสก์ความจุ 160 GB เมนบอร์ดเลือกแบบที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อ AGP 4x หรือ 8x สำหรับการ์ดแสดงผลคุณภาพ การ์ดแสดงผล ควรเลือกการ์ดแสดงผลมาตรฐาน AGP 4x หรือ 8x ที่มีคุณภาพแสดงผลค่อนข้างสูง และขนาดหน่วยความจำบนการ์ด 32 MB ขึ้นไป
ไดรว์ CD/DVD CD-ROM หรือ DVD-ROM (อาจเพิ่ม CD-RW สำหรับเก็บข้อมูล)
จอแสดงผลควรเลือกขนาด 15-17 นิ้ว
สเป็คเครื่องสำหรับผู้ใช้งานระดับสูง
ซีพียูรุ่น Intel Core 2 Duo หรือ Intel Core 2 Quadแรมประเภท DDR2-800 ขนาด 1-2 GB ทำงานแบบ Dual Channel ฮาร์ดิสก์320 GB แบบ Serial ATA 300 เมนบอร์ดเลือกแบบที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อ AGP 8x สำหรับการ์ดแสดงผลประสิทธิภาพสูง การ์ดแสดงผลnVidia GeForce 8600GTS หรือ ATi Radeon HD 2600 Pro
จอแสดงผล LCD 19-22 นิ้ว
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด แบ่งได้กว้างๆมีอยู่2ประเภท
1.คอมพิวเตอร์แบบมียี่ห้อที่นิยมขายเป็นชุด (Computer Set) เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก คอมพิวเตอร์แบบนี้มีข้อดีตรงที่มีบริการหลังการขาย เมื่อเครื่องเสียหรือมีปัญหาสามารถส่งซ่อมได้ทันที ช่างจะแก้ไขให้ มักจะแถมซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการมาให้ และมีระบบเงินผ่อน ไม่ต้องเดินเลือกซื้อหาอุปกรณ์เอง ส่วนข้อเสียคือไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจเองได้ ราคาจะค่อนข้างแพงกว่าเลือกซื้อชิ้นส่วนประกอบเอง
2.คอมพิวเตอร์แบบเลือกซื้อชิ้นส่วนมาประกอบเอง เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความพิถีพิถันในการเลือกชื้นส่วนอุปกรณ์มาประกอบด้วยตัวเองมีข้อดีตรงสามารถเลือกซื้อชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้ด้วยตัวเอง ทำให้เราสารถเปรียบเทียบราคาและหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดได้ ราคาค่อนข้างถูกกว่าแบบมียี่ห้อ ข้อเสีย ผู้ซื้อต้องความรู้เรื่องอุปกรณ์พอสมควร ต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อ และเมื่ออุปกรณ์เกิดความเสียหายต้องนำไปร้านที่ซื้อมาเคลมให้จะใช้เวลานาน
การเลือกซื้อ ซีพียู (CPU)

ก่อนที่จะเลือกรุ่นของซีพียู สิ่งแรกที่จะต้องเลือกคือ INTEL หรือ AMD ดีซึ่งต้องตัดสินใจก่อน ชื่อเสียงของ INTEL คงเส้นคงวามาตลอดแต่ถูก AMD แซงไป สรุปง่ายๆคือ ให้เลือก AMD ถ้าต้องการประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป และเลือก INTEL ถ้าสนใจเรื่องยี่ห้อหรือไม่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพใดๆ
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อก็คือ ถ้าไม่ต้องการใช้งานในด้านใดเป็นพิเศษก็ควรเลือก ที่เป็น Celeron D หรือ Pentium D ถ้าต้องการที่ใช้เช่น การตกแต่งรูป ตัดต่อวีดีโอ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็เลือก Core 2 Duo ไปเลย โดยเฉพาะเป็นนักแต่งเพลง สร้างหนัง ทำแอนิเมชั่นก็เลือก Core 2 Quad
การเลือกซื้อชุดระบายความร้อนกับซีพียู สิ่งที่สำคัญที่ควรคำนึงในการเลือกซื้อชุดระบายความร้อนให้กับซีพียู ซั้งประกอบด้วย พัดลมระบายความร้อน และฮีตซิงค์ ก็คือวัสดุใช้ทำฮีตซิงค์ การออกแบบครีบระบายความร้อน ความเร็วรอบในการหมุนของพัดลมซีพียู และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เป็นรูปแบบมาเพื่อให้ใช้กับซีพียู และซ็อคเก็ตแบบใด ซึ่งแต่ละแบบไม่เหมือนกัน
การเลือกซื้อเมนบอร์ด

การเลือกซื้อหน่วยความจำ

ชนิดของแรม เลือกให้ตรงกับสล็อตติดตั้งบนเมนบอร์ด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภท คือ SDRAM ที่กำลังจะหมดไป ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ แรมชนิด DDR-SDRAM ซึ่งเป็นมาตรฐานของแรมในปัจจุบัน และ RDRAM ที่มีความเร็วสูงสุด ใช้ทำงานร่วมกับเมนบอร์ดสำหรับซีพียู Pentium 4 ขึ้นไป
ความเร็วของแรม ความเร็วในการทำงานแรมแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป เช่น SDRAM จะมีความเร็วอยู่ที่ 66 100 หรือ 133 MHz ส่วน DDR-SDRAM มีความเร็วที่ 200 266 333 400 หรือ 433 MHz และ RDRAM จะทำงานที่ความเร็วสูงถึง 600 700 800 และ 1066 MHz ซึ่งความเร็วนี้ต้องรองรับกับซีพียูที่เราใช้งานด้วยว่าทำงานที่ระบบบัสเท่าไร
การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์

ขนาดความจุ ฮาร์ดดิสก์มีขนาดเป็น GB หรือพันล้านไบต์ ความจุของฮาร์ดดิสก์ยิ่งสูงยิ่งมีเนื้อที่เก็บข้อมูลมากขึ้น การเลือกขนาดของฮาร์ดดิสก์นั้นเราต้องคิดเผื่อถึงขนาดข้อมูลที่จะทำงานในอนาคตด้วย ความจุฮาร์ดดิสก์ที่มีให้เลือกในปัจจุบันมีตั้งแต่ 20 40 60.. GB
อัตราการส่งผ่านข้อมูลของฮาร์ดดิสก์มีหน่วยเป็น MB/s(ล้านไบต์ต่อวินาที) ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีวางขายอยู่จะเป็นแบบ Ultra ATA/66 ATA/100 และ ATA/133 แต่เมนบอร์ดจะต้องสนับสนุนกับค่าความเร็วเหล่านี้ด้วย
ความเร็วรอบ RPM: Round Per Minute หรือรอบต่อนาที ยิ่งจำนวนรอบยิ่งสูงอัตราการอ่านข้อมูลต่อวินาทียิ่งมาก ฮาร์ดดิสก์ที่มีวางขายในตลาดจะมีอยู่หลายรุ่น เช่น รุ่น 5400 RPM, 7200 RPM และ 10000 RPM แนะนำให้เราซื้อฮาร์ดดิสก์แบบ 7200 RPM โดยเฉพาะกับงานที่เราใช้ต้องเขียนหรืออ่านไฟล์จากฮาร์ดดิสก์บ่อยๆ
เวลาในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวข้องกับความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลโดยตรง ยิ่งค่านี้น้อยมากเท่าไร ทำให้การทำงานกับฮาร์ดดิสก์เร็วยิ่งขึ้น เวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ 8-12 มิลลิวินาที(ms) ส่วนระยะเวลาแนะนำคือ 8-9 มิลลิวินาที
ขนาดของบัฟเฟอร์ของฮาร์ดิสก์ทั่วไปจะอยู่ที่ 2-8 MB ยิ่งบัฟเฟอร์มีขนาดใหญ่ยิ่งดี เพราะในการอ่านข้อมูล ฮาร์ดดิสก์จะอ่านข้อมูลไปเก็บไว้ที่บัฟเฟอร์ก่อน แล้วจึงค่อยส่งข้อมูลออกไป ส่วนในกรณีรับข้อมูลเข้ามา ก็จะเก็บไว้ที่บัฟเฟอร์ก่อนแล้วจึงค่อยเขียนลงดิสก์จริงๆ
การเลือกซื้อการ์ดแสดงผล (VGA Card)

ในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล คงต้องประเมินดูสภาพการใช้งานว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร โดยอาจแบ่งแยกงานเป็นสองกลุ่มคือ งานประเภทต้องใช้ภาพ3มิติหรือการแสดงผลมัลติมีเดียการตัดต่อวิดีโอ กับอีกกลุ่มได้แก่การใช้งานทั่งไปในสำนักงานใช้เพื่อเชี่อมต่ออินเทอร์เน็ต การ์ดที่ใช้แสดงผลสามมิติ (3D) และเล่นเกมแบบสามมิติ ต้องใช้ชิพตัวเร่งพิเศษ การ์ดพวกนี้จะมีราคาแพงขึ้น สำหรับการเลือกการ์ดแสดงผลใช้งานทั่วไปเลือกตัวเร่งที่มีราคาถูกลง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกได้มาก โดยปกติใช้ชิพตัวเร่งรุ่นเดียวกับพวก 3D เกมได้ แต่การ์ดพวกนี้จะใช้ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำให้มีราคาแตกต่างกันมาก การ์ดแสดงผลหลายรุ่นมีขีดความสามารถพิเศษ เช่น มีส่วนของการเชื่อมต่อเป็น TV-out เพื่อใช้สำหรับแสดงผล VCD และ DVD เพื่อต่อกับ TV ได้โดยตรง โดยคอมพิวเตอร์จะทำตัวเป็นเครื่องเล่น DVD ให้

การเลือกซื้อ Modem สำหรับคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือแบบ Internal Modem และ External Modem ซึ่งขอแยกข้อดีและข้อเสียของ Modem ชนิดต่าง ๆ ดังนี้
Internal Modem จะมีข้อดีคือ ราคาถูกกว่า ไม่เกะกะสายตา เพราะจะเป็นการ์ดเสียบติดไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเลย ไม่ต้องต่อสายหรือต่อ Power Supply ให้ยุ่งยาก และไม่เปลือง COM Port ที่มีอยู่จำกัด แต่ข้อเสียของ Internal Modem คือ การเคลื่อนย้าย หรือถอดออกไปใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ จะทำได้ค่อนข้างยาก และมักจะมัปัญหาหลาย ๆ อย่างตามมาด้วยเช่น สายอาจจะมีโอกาสหลุดได้บ่อย (ปัญหาหลักที่พบกันมาก) ต้องการ CPU ที่มีความเร็วค่อนข้างสูง จึงจะใช้งานได้แบบไม่มีปัญหา
External Modem จะมีราคาแพงกว่าแบบ Internal Modem และจะต้องมีสายต่อต่าง ๆ อยู่ภายนอกเครื่องให้เกะกะสายตาดี แต่ก็จะมีข้อดีคือ พบปัญหาของสายหลุดได้น้อยมาก และสามารถใช้งานกับ CPU ที่มีความเร็วไม่สูงมากนักได้สบาย ๆ การเคลื่อนย้ายก็ทำได้ง่าย
การพิจารณาเลือกซื้อจอภาพ
ประเภทของจอแสดงผล ถ้าจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นเวลานานๆ 4-8 ช.ม. โดยมีเวลาหยุดพักสายตาไม่มาก แนะนำให้เราซื้อจอ CRT แบบ Flat Trinitron หรือจอ LCD จะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีงบพอ หรือมีช่วงเวลาพักสายตาอยู่บ้าง ก็ใช้จอแบบ CRT ก็เพียงพอแล้ว
รังสีจากจอแสดงผล การเลือกจอมอนิเตอร์แบบ CRT ควรเลือกแบบที่รังสีต่ำ (Low Radiation) เพราะผลเสียจากรังสีมีตั้งแต่ทำให้ปวดหัว ปวดตา เวียนศรีษะ ทำให้สายตาสั้น และมีผลต่อแก้วตา ส่วนจอ LCD หรือจอ Plasma Display จอประเภทนี้มีรังสีต่ำมาก
อัตราการแสดงภาพ เลือกรุ่นที่มี Refresh Rate สูงๆ สัก 75 Hz ขึ้นไป เนื่องจากถา Refresh Rate ต่ำเรสจะเห็นจอกระพริบอยู่ตลอด นั่นจะทำให้เราปวดหัว ปวดตา ได้เหมือนกัน ขนาดจอภาพปัจจุบันมีมาตรฐานอยู่ 2 ขนาดที่ได้รับความนิยม คือ 15 นิ้วและ 17 นิ้ว ข้อดีของจอ 17 นิ้วคือเหมาะสำหรับงานออกแบบกราฟิกส์ เพรามีพื้นที่มากกว่า แต่มีราคาสูงกว่าจอ 15 นิ้ว
การเลือกซื้อ UPS การเลือกซื้อ UPS จะมีในเรื่องขนาด ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ซึ่งโดยทั่วไปควรจะอยู่ที่ประมาณ 500-800 VA


ในส่วนของ CD ROM Drive เลือกยี่ห้อที่ทน หรืออาจจะเลือกซื้อจากร้าน ที่มีการรับประกันดี ๆ ความเร็วก็ประมาณซัก 40X ขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างหนึ่งก็คือ ยิ่งเป็น CD ROM Drive ที่มีความเร็วสูงมากเท่าไร เสียงก็จะยิ่งดังมากขึ้น ยกเว้น CD ROM Drive บางยี่ห้อหรือบางรุ่น จะสามารถปรับความเร็วให้ลดลงมาได้ด้วย รวมทั้งหากคุณใช้งานแผ่น CD-RW ก็คงต้องเลือกรุ่นที่สามารถอ่านแผ่น CD-RW ได้ด

เครื่องพิมพ์เลเซอร์ : ใช้พิมพ์งานเอกสาร มีความละเอียดมากที่สุด และความเร็วสูงสุดในบรรดาเครื่องพิมพ์ทั้งหลายมากที่สุด มี 2 แบบ คือแบบขาว/ดำ เหมาะสำหรับงานพิมพ์ในสำนักงาน และแบบสี สำหรับงานพิมพ์ขั้นสูง
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต : ใช้พิมพ์งานสี มีความละเอียดน้อยกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ราคาเครื่องถูก แต่หมึกพิมพ์แพง เหมาะสำหรับงานสี อาร์ตเวิร์ค สิ่งพิมพ์ และรูปถ่าย สติกเกอร์ หากจะใช้งานพิมพ์ขาว/ดำ ราคาหมึกต่อแผ่นจะสู้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ไม่ได้
เครื่องพิมพ์ดอตเมทริกซ์ : มีความละเอียดต่ำราคาหมึกถูก แต่พิมพ์ช้า เสียงดังปัจจุบันถูกนำมาใช้แค่การพิมพ์กระดาษไขสำหรับงานโรเนียว หรือพิมพ์โดยซ้อนกระดาษคาร์บอนเท่านั้น


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น